การผ่าตัดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แค่เตรียมตัวให้พร้อม
เรื่องเวลาในการพักพื้น (30 วัน+) และค่าใช้จ่าย
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่หลงเข้ามาอ่านทุกท่านนะคะ
ในขณะที่บิทคอยน์ใกล้ทะลุ 1,000 $ (เกี่ยวไหม?)
โรคภัยไข้เจ็บที่สะสมมานานก็ต้องสะสางซะที
เริ่มจากการปวดท้องเรื้อรังมาหลายปี
ซึ่งวินิจฉัยยาก เพราะปวดท้องมีหลายสาเหตุ
ระบบขับถ่ายเป็นปกติ และน้ำหนักก็ไม่เคยลด (มีแต่อ้วนขึ้น)
วิ่งก็แล้ว โยคะก็แล้ว แก้ได้แต่โรคปวดหลัง
(โยคะนี่ช่วยให้ความแข็งแรงกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นด้วย ฝึกไว้ก็ดีนะ
แต่ต้องฝึกต่อเนื่องเกินปีถึงจะเห็นผล)
วินิจฉัยตัวเองมั่วๆ คิดว่าเป็นโรคลำไส้แปรปรวน (IBS)
กินแต่ยาแก้ปวด แล้วก็นอนพัก อาศัยว่าเป็นคนแข็งแรง ทนๆ เอา
ซึ่งทำให้หมอถามหลังผ่าตัดว่าทำไมเป็นเยอะขนาดนี้แล้วมาแบบชิวๆ
ก็ตอนมาหาหมอมันไม่ปวดอ่ะค่ะ
เป็นโรคขี้เกียจไปรพ.และชอบมโนว่าตัวเองแข็งแรง
(ช่วงที่ยังไม่รู้ตัว ก็ยังไปขึ้นภูกระดึงอยู่เลยอ่า...)
ชะนีเยี่ยงเรา พออายุเกิน 35+ ตรวจสุขภาพประจำปีก็เพิ่มตรวจมะเร็ง
แต่ไม่เคยสนใจเรื่องเนื้องอก เพราะไม่คิดว่าจะเป็น
ว่างจากงานก็ไปเที่ยว ปวดท้องเหรอ กินยากดอาการเอา สายถึกทนได้...
(เจ็บไม่ว่าขอไปดูซากุระก่อน)
แต่น้องชายก็เริ่มสังเกตว่า พี่สาวดูเหนื่อยง่ายผิดปกติ
ความถึกเริ่มลดลงและความเหวี่ยงวีนเริ่มมา เวลาเหนื่อยจนหมดแรง
เริ่มมีภาวะเลือดจางจนบริจาคเลือดไม่ได้
มีวูบบ้าง บ้านหมุนเล็กน้อย เพราะความดันต่ำ (เป็นปกติของร่างกาย)
2 ปีก่อนผ่าตัดเริ่มสังเกตว่า ไม่มีระดูขาว และมีเลือดจางๆ เหมือนน้ำล้างกาแฟมาแทน
ซึ่งก็ไม่ได้เยอะมาก แค่มาซึมๆ พอให้เหนื่อยเวลาซักผ้า
(ไม่ชอบใช้แผ่นอนามัย เพราะหมอสูฯ เคยบอกว่า
เป็นการเพิ่มความชื้นและเป็นอาหารของเชื้อรา
ผิวก็ไม่ค่อยดี ใช้แล้วระคายผิวมากกว่าสบายตัว)
ลองจดบันทึกไว้ทุกเดือนก็จะเห็น circle
เลือดน้ำตาลจางๆ จะมาทุก 2 อาทิตย์หลัง ปจด.
ก็ไม่สนใจอีก เพราะคิดว่าอายุมากละ ปจด.คงตกค้างไรงี้
(ซึ่งก็ตกค้างจริงๆ เป็นช๊อคโกแลตซีสที่รังไข่ไง...ยังๆ มันยังไม่รู้ตัว)
จนปีสุดท้ายก่อนผ่าตัด ความปวดถึงจุดพีค คือทุกครั้งจะปวดท้องขวาต่ำจุดเดียว
(มีเฉลยหลังผ่าตัด)
ปวดแบบไปไหนไม่ได้ กินยาแล้วนอนเท่านั้น บางทีปวดต่อเนื่องนาน 3-5 วัน
และเริ่มร้าวไปถึงกล้ามเนื้อด้านหลัง (เพราะมันไปรั้งกะลำไส้ใหญ่)
เอาล่ะ คงจะมีไข่เอเลี่ยนอยู่ในท้องเป็นแน่แท้ Ultrasound เถอะเธอ
ผล Ultrasound ก็มาเต็ม (ช๊อคโกแลต)ซีสต์รังไข่ซ้าย 3 cm.
(แต่เวลาปวดท้องไม่เคยปวดด้านซ้ายเลยนะ)
เนื้องอกผนังมดลูกด้านหน้า 3.5 cm.
ด้านหลัง 5.5 cm. แถมด้านหลังนี่แหล่ะ ที่สร้างความปวดจนต้องมาหาหมอ
(ปกติเนื้องอกอย่างเดียวมักไม่มีอาการ)
เพราะพังผืดจากเนื้องอกไปเกาะลำไส้ใหญ่แข็งเหนียวจนเป็นเนื้อเดียวกัน
เครื่องมือส่องกล้องตัดไม่ขาด จนอ.หมอต้องผ่าเปิด
พังผืดมองไม่เห็นด้วยการซาวน์ แต่ดูจากมดลูกเบี้ยวผิดรูปตามการดึงรั้ง (อ.หมอบอก)
เมื่อตรวจพบเนื้องอกขนาดกลาง คนไข้ก็ยังมีเวลาชิวหาที่ผ่าตัด
โชคดีที่รู้จักคุณหมอท่านนึงเป็นโรคเดียวกัน ผ่าแบบส่องกล้องที่จุฬา
อย่ารอช้า ก๊อปปี้เลยค่ะ หวังว่าจะได้ส่องกล้องแบบชิวๆ
แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นค่ะโยม เพราะเราเป็นเยอะกว่าคุณหมอ
หลังจากโทรนัดอาจารย์หมอที่จุฬา เดือนครึ่งกว่าจะได้เจอ
อ.หมอก็พูดเหมือน 2 รพ.ที่เคยไปตรวจ ว่าโรคนี้ต้องผ่าตัด แต่ไม่รีบค่ะ
คนไข้ก็ยังงานยุ่งอยู่ หาหมอต้นปี เลยขอผ่าช่วงปลายปี
ดองพักร้อนรอไว้เลย เผื่อลาป่วยไม่พอ
ถ้าโชคดีผ่าแบบส่องกล้องได้ ก็จะได้ฟื้นทันเที่ยวช่วงปีใหม่
แต่ถ้าโดนผ่าเปิด หมอจะเขียนลาให้ 30 วันตามมาตรฐาน
อ.หมอแนะนำว่าถ้าอยากมีลูก สภาพมดลูกแบบนี้ เก็บไข่ไว้อุ้มบุญจะดีกว่า
เพราะท้องไม่ได้แล้ว เป็นพังผืดเยอะ
หมอ 2 รพ.ก่อนหน้านี้ไม่พูดเรื่องพังผืดเลยนะ เราคงจะมาถูกทางแย้ว
ด้วยอายุก็ 30 ปลายๆ จะท้องคงไม่ไหว (เดี๋ยวๆ หาพ่อพันธุ์ได้ยังอะ?)
ตัดเลยดีกว่า เจ็บตัวรอบเดียวพอ
สรุปตัดรังไข่ข้างซ้ายที่เป็นซีสต์ และมดลูกทั้งหมด
เหลือรังไข่ขวาไว้สร้างฮอร์โมนก็พอ
(จะขาดฮอร์โมนหรือเปล่า ไปลุ้นกันหลังผ่าตัด
เคยถามน้องคนนึงตัดมดลูกแล้ว เหลือรังไข่ 2 ข้างแต่ก็เกิดภาวะขาดฮอร์โมนได้)
ไม่กล้าใช้ประกันสังคม เพราะเบิกได้แค่ในเวลาราชการเท่านั้น ยกเว้นอุบัติเหตุ
ปวดท้องยังไงให้ตรงเวลาราชการ...งงกะมัน
ปวดทีไรกลางคืนทุกที เบิกได้ป่ะ(ห่าน...)
จะไปเข้าคิวผ่าตัดในรพ.รัฐ นั่งแออัดรวมกะแรงงาน ตปท.ไหวเหรอ
แต่ละคนเอาโรคอะไรเข้าประเทศไทยบ้างก็ไม่รู้
(ไปรพ.วันปกตินี่นึกว่าอยู่ตะเข็บชายแดน)
ประเทศไทยเคยควบคุมวัณโรคได้
พอเปิด AEC เท่านั้นแหล่ะ
วัณโรคระบาดในโรงเรียนรัฐของกทม...เวรกรรม
ดูแลลูกหลานกันให้ดีๆ
ระหว่างรอผ่า 8 เดือน ก็กินฮอร์โมนทุกวันตามหมอสั่ง
(ห้ามซื้อมากินเองเด็ดขาด เพราะร่างกายแต่ละคนตอบสนองต่อฤทธิ์ยาไม่เท่ากัน)
วันไหนลืม ระดับฮอร์โมนตก อีก 2 วัน ปจด.ก็จะมาเยือน
ช่วงนี้จะไม่ค่อยปวดท้องมาก ร่าเริงจนคิดว่าหายแล้วมั้ง
6 เดือน follow up ซีสต์และเนื้องอกโตขึ้นเล็กน้อย
อ.หมอก็นัดขึ้นเขียง โดยตกลงกันว่าเริ่มจากส่องกล้องก่อน
ถ้ามีปัญหา โดยยึดหลักความปลอดภัยของคนไข้
เพราะการส่องกล้องใช้เวลานาน หากคนไข้เสียเลือดมาก
หมอจะ Convert to Laparotomy (เปลี่ยนเป็นผ่าแบบเปิดหน้าท้อง)
พยาบาลจะคำนวนค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ให้ก่อน
เลือกที่จะส่องกล้อง แถมมานอกเวลาราชการ โดนไป 6 หลักเบาๆ
เกินวงเงินประกันกลุ่มของบริษัทไปเล็กน้อย
แต่ก็พอจ่ายส่วนต่างเองได้
เตรียมเงินไว้จ่ายก่อน เบิกทีหลังจร้า
(ประกันดีงามมาก จ่ายตาม limit ที่คุ้มครอง 90% ของค่าผ่าตัดเลย...กราบค่ะ)
>>> การเตรียมตัว / วันผ่าตัด / นอนรพ. / การพักพื้นหลังผ่า <<<